ล็อตเตอรี่ เลขลับ ระหว่างหวย กับสลากออมทรัพย์ ที่หลายคนต่างมุ่งหวัง อยากรวยหลักล้าน มาเทียบล็อตเตอรี่กับลงทุนว่า แบบไหนคุ้มกว่ากัน
เลขลับ ระหว่างหวย กับสลากออมทรัพย์“เรื่องของหวย”
อะไรเอ่ยที่ของมันต้องมี ในกระเป๋าสตางค์ของคนส่วนใหญ่ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยไม่ดีแบบนี้ เราเชื่อว่าคำตอบ 1 ใน 5 อันดับแรกจะต้องมี ล็อตเตอรี่ เรียกอีกอย่างว่า สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือบางคนอาจจะเรียกสั้นๆ ว่า หวย นั่นเอง เราไปค้นข้อมูล ที่บันทึกไว้ในวิกิพีเดีย พอสรุปได้ว่า หวย เกิดขึ้นในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาล ที่ 3 เริ่มในกลุ่มชาวจีน เรียกว่า “ฮวยหวย” ที่แปลว่า ชุมนุมดอกไม้ เพราะเขียนตัวหวยเป็นรูปดอกไม้ หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนรูปแบบ ไปเป็นใช้อักษรไทยแทนเรียกว่า “หวย ก ข” และสุดท้ายนั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็น สลากกินแบ่งรัฐบาล เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่คนไทยหลายคนก็ยังเรียกกันติดปากว่า หวย ในการซื้อหวยของแต่ละคน ก็จะมีตัวช่วยที่ดูแตกต่างกันไป บางคนอาศัย ความฝันพารวย บางคนก็พึ่งพาตัวเลข เลขลับ ระหว่างหวย กับสลากออมทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เช่น วันเกิด บ้านเลขที่ บัตรพนักงาน หรือว่าบางคนก็จะทุ่มเท ลงทุนลงแรงดั้นด้นเข้าป่า เข้าถ้ำเพื่อตามล่าหาเลขเด็ดกันเลย คนที่มีโชคซื้อแล้วถูกก็เป็นข่าวกันจนโด่งดัง จนทำให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ คิดว่าการถูกหวยคงไม่น่ายาก เพราะคนที่ไม่ถูกซึ่งมีจำนวนที่มากกว่า ไม่มีใครออกมาป่าวประกาศให้ใครรู้นั่นเอง ในการเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงนั้น ครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านก็ย้ำเตือนเสมอว่า คนที่สมหวังในการเสี่ยงโชคนั้น ก็เกิดจากบุญเก่าและบุญปัจจุบันที่เขาได้สะสมมา
สลากออมทรัพย์ ก็เป็นอีหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับใครที่อยากลุ้น แต่เป็นพวกกล้าได้ ไม่กล้าเสีย ตัวอย่างเช่น สลากออมทรัพย์ของธนาคารภาครัฐ แห่งหนึ่งที่เสนอขาย หน่วยละ 50 บาท มีอายุ 3 ปี ออกรางวัลทุก วันที่ 16 ของทุกเดือน ดังนั้น ถ้าเราถือครบ 3 ปี ก็จะมีสิทธิ์ได้ตรวจรางวัลถึง 36 ครั้ง เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนคืน เราจะได้เงินคืนหน่วยละ 50.50 บาท นั่นก็แปลว่า เงินต้นอยู่ครบได้ดอกเบี้ย 1% ต่อสามปีเลย
นอกจากเงินต้นไม่หาย แล้วยังมีอะไรที่ดีกว่าหวยบ้าง?
• ผลตอบแทนที่มากกว่า รางวัลที่ 1 เช่น รางวัลละ 10 ล้านบาท ของล็อตเตอรี่ 6 ล้านบาท
• ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ในหน่วยใช้เงินลงทุน 50 บาท ส่วนล็อตเตอรี่ 1 ใบ ใช้เงินลงทุน 80-100 บาท
• มีโอกาสลุ้นรางวัลได้มากกว่า ข้อสำคัญอีกข้อที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือเรื่องโอกาสลุ้นของสลากออมทรัพย์ ที่มีมากกว่าลอตเตอรี่ สมมติว่า เราซื้อลอตเตอรี่งวดละ 1 ใบ ราคาใบละ 100 บาท ซึ่งใน 1 เดือน ออกสองงวด ดังนั้น 3 ปีเท่ากับ 72 งวด เท่ากับว่าเราจะต้องใช้เงิน 7,200 บาทใน 3 ปี แต่ถ้าผมนำเงิน 7,200 บาทไปซื้อสลากในครั้งเดียว เราจะได้ 144 หน่วย แปลว่าตลอดทั้ง 3 ปี ทุกงวดของสลากออมทรัพย์ ผมมีโอกาสลุ้น 144 หมายเลข แต่ถ้าเป็นลอตเตอรี่ มีโอกาสลุ้นได้แค่ 1 เลขในแต่ละงวด แปลว่า คนที่ซื้อสลากออมทรัพย์ มีโอกาสเพิ่มเป็น 144 เท่าของลอตเตอรี่เลยทีเดียวนะ
สำหรับข้อเสีย ของสลากออมทรัพย์
สิ่งที่เหล่านักเสี่ยงโชคไม่ชอบ ก็คือ ไม่สามารถเลือกเลขที่ชอบได้เหมือนกับลอตเตอรี่ ถ้าสมมติว่า มีคนที่คาดหวังในรางวัลเงิน 6 ล้านบาท จากล็อตเตอรี่ รางวัลที่ 1 และเป็นผู้ที่มีวินัยในการซื้อลอตเตอรี่มากๆ ตั้งใจซื้อลอตเตอรี่ทุกงวด
งวดละ 15 ใบ เป็นเงิน 1,500 บาท ในหนึ่งเดือนจะมีสองงวด ก็จะเป็นเงิน 3,000 บาท ถ้าซื้อต่อเนื่องกันเป็นเวลาถึง 30 ปี คำถามคือ คนที่ทำแบบนี้ จะประสบความสำเร็จได้เงิน 6 ล้านบาทกี่คน? คำตอบที่ถูกต้องไม่มีใครตอบได้ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ คนที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่า คนที่ไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะแต่ละงวดจะมีคนที่ถูกรางวัล ที่ 1 แค่หลักสิบคน แต่คนผิดหวังมีเป็นล้านๆคน
แต่ถ้าเราใช้วิธีการเดียวกัน ก็คือ เราใช้เงิน 3,000 บาทต่อเดือน ด้วยเวลาที่เท่ากัน 30 ปี แต่เปลี่ยนยานพาหนะ ที่จะนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางมูลค่า 6 ล้านบาท เป็นการลงทุนในกองทุนรวม มาแทนการซื้อล็อตเตอรี่
ในที่นี้ผมแนะนำให้ลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นที่เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถลงทุนในนานเกิน 7 ปี ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ เข้าทั้งสองเงื่อนไข ก็คือเป็นการลงทุน 30 ปี และเป็นเงินที่คิดจะนำไปซื้อล็อตเตอรี่ ก็แปลว่า เป็นเงินที่พร้อมจะเสียทั้งจำนวนได้
หากคำนวณ จากสถิติย้อนหลังของดัชนี ของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 1999-2017 ที่ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย ประมาณ 9.5% ต่อปี โดยคำนวณแบบลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือน ซึ่งข้อมูลชุดดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ได้รวมช่วงวิกฤตปี 2008 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ถ้าลงทุนด้วยเงิน 3,000 บาทต่อเดือน
เป็นเวลา 30 ปี ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่เป็น กองทุนหุ้นไทย จากการคำนวณเมื่อครบ 30 ปี ก็จะเป็นเงินประมาณ 6,099,000 บาท ซึ่งวิธีการนี้ผมว่าโอกาสที่จะมีเงิน 6 ล้านบาท ที่สูงกว่าการซื้อลอตเตอรี่ แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ขอให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน ผลตอบแทนในอดีต ที่ไม่สามารถยืนยันผลตอบแทนในอนาคตได้